การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในสังคมไทย หลายคู่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน มีทรัพย์สิน มีบุตร มีภาระร่วมกัน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งนำมาสู่ความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับ “สิทธิของคู่สมรส” ที่ตามกฎหมายจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการจดทะเบียนสมรสเท่านั้น สิทธิและผลทางกฎหมายของการอยู่กินฉันสามีภรรยาแบบ “จดทะเบียน” กับ “ไม่จดทะเบียน” แตกต่างกันอย่างไร และควรจัดการทรัพย์สิน บุตร และมรดกอย่างไรบ้าง

✓ สิทธิของคู่สมรสที่ “จดทะเบียนสมรส” ตามกฎหมายมีสิทธิสำคัญ ดังนี้
- มีสินสมรสร่วมกัน ทรัพย์สินที่เกิดขึ้นระหว่างสมรสถือเป็น “สินสมรส” (หรือแล้วแต่จะตกลงกันเป็นลายลักษณือักษรว่าเป็นสินส่วนตัว) เช่น รายได้ ทรัพย์สินที่ซื้อร่วมกัน หรือแม้แต่ทรัพย์สินที่ซื้อโดยใครคนใดคนหนึ่งแต่เกิดขึ้นในระหว่างสมรส
- มีสิทธิรับมรดกตามกฎหมาย คู่สมรสมีสิทธิรับมรดกจากอีกฝ่าย โดยมีฐานะเป็นทายาทโดยธรรม
- มีสิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพเมื่อหย่า หากการหย่าเกิดความผิดของอีกฝ่าย และคู่สมรสผู้เสียหายมีสิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงชีพได้ เพราะจนลงหลังหย่า
- มีสิทธิตัดสินใจเรื่องทางการแพทย์แทนคู่สมรส ในกรณีคู่สมรสเจ็บป่วย ไม่สามารถให้ความยินยอมเองได้
- มีสิทธิได้รับสวัสดิการ เช่น สิทธิค่ารักษาพยาบาล หรือสวัสดิการของรัฐและหน่วยงานต่างๆ
- บุตรที่เกิดระหว่างสมรสถือเป็น “บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย” โดยอัตโนมัติ บิดามีสิทธิตามกฎหมายในตัวบุตรโดยไม่ต้องทำการรับรองบุตรเพิ่มเติม
✘ สิทธิที่ “ไม่มี” หากอยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนสมรส ถึงแม้จะใช้ชีวิตร่วมกันเหมือนสามีภรรยา แต่หาก ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จะไม่มีสิทธิตามกฎหมาย ดังนี้
- ไม่มีสินสมรสร่วมกันทรัพย์สินถือเป็นของผู้ซื้อหรือผู้ที่ชื่อเป็นเจ้าของเท่านั้น
- ไม่มีสิทธิรับมรดก คู่ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่ใช่ทายาทโดยธรรมของกันและกัน
- ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพเมื่อเลิกกัน แม้จะอยู่ร่วมกันมานานเพียงใดก็ตาม
- ไม่มีสิทธิตัดสินใจทางการแพทย์แทนอีกฝ่าย แม้ดูแลกันเหมือนครอบครัว
- ไม่มีสิทธิรับสวัสดิการในฐานะคู่สมรสรวมถึงสวัสดิการจากรัฐ หน่วยงานราชการ หรือเอกชน
- บุตรที่เกิดต้องมีการ “รับรองบุตร” จึงจะมีสถานะเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา
ถึงแม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่ก็ยังสามารถจัดการทรัพย์สินและผลประโยชน์ร่วมกันได้บางส่วน ได้แก่
การจัดการทรัพย์สิน
- ทรัพย์สินที่ต้องการร่วมกันครอบครองสามารถทำ “กรรมสิทธิ์รวม” ได้ เช่น ซื้อรถ บ้าน หรือทรัพย์สินอื่น ๆ โดยระบุชื่อทั้งสองฝ่ายเป็นเจ้าของรวม
- ทรัพย์สินส่วนตัวของแต่ละคนหากไม่ได้ทำกรรมสิทธิ์รวม แม้จะอยู่กินกันมายาวนาน ทรัพย์สินนั้นถือเป็นของผู้ที่เป็นเจ้าของคนเดียว
การจัดการมรดก
- ทำพินัยกรรมกำหนดให้ผู้ที่อยู่กินด้วยกันรับมรดกได้ การทำพินัยกรรมช่วยลดปัญหาการฟ้องร้องหรือข้อพิพาทภายหลัง
- กรณีไม่มีพินัยกรรม สิทธิในทรัพย์สินจะตกแก่ทายาทตามกฎหมาย ไม่สามารถอ้างสถานะคู่ชีวิตได้
ข้อควรรู้สำคัญ
การอยู่กินฉันสามีภรรยามาเป็นเวลานาน ไม่ได้ทำให้เกิดสถานะคู่สมรสตามกฎหมายโดยอัตโนมัติ การจดทะเบียนสมรสเป็นขั้นตอนเดียวที่ทำให้สิทธิและความคุ้มครองทางกฎหมายเกิดขึ้นจริง หากไม่ต้องการหรือมีความามจำเป็น ไม่ต้องการจดทะเบียนสมรส ก็ควรจัดการทรัพย์สินและทำพินัยกรรม เพื่อป้องกันความเสียหายหรือข้อขัดแย้งในอนาคต
อ้างอิง
- ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 4 – 6
- พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550
- หลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย พ.ศ. 2553



