ค้นหา

ที่ดินวัดจัดการอย่างไร

ที่ดินของวัด คือ ที่ดินที่มีความเกี่ยวข้องกับวัดในรูปแบบต่างๆ ทั้งที่เป็นพื้นที่ตั้งวัด ที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของวัด และที่ดินที่มีการอุทิศผลประโยชน์ให้แก่วัด ซึ่งทั้งหมดได้รับการคุ้มครองพิเศษจากกฎหมายเพื่อรักษาไว้เป็นสมบัติทางศาสนาอย่างถาวร ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 33 ที่ดินของวัดแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก คือ:

  1. ที่วัด : หมายถึงบริเวณที่ตั้งวัดและเขตแดนของวัดนั้น รวมถึงพื้นที่ที่ใช้สำหรับกิจกรรมทางศาสนา เช่น อุโบสถ วิหาร กุฎี และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ภายในวัด
  2. ที่ธรณีสงฆ์: ธรณีสงฆ์ หมายถึง ที่ดินที่เป็นของวัด ที่ธรณีสงฆ์ไม่ใช่ที่ซึ่งเป็นวัดหรือบริเวณวัด แต่เป็นที่ดินซึ่งพุทธศาสนิกชนผู้มีใจศรัทธายกให้เป็นของวัด ถือเป็นสมบัติเป็นกรรมสิทธิ์ของวัด ซึ่งวัดจะได้รับผลประโยชน์จากที่ดินนั้น
  3. ที่กัลปนา: กัลปนาสงฆ์ อันได้แก่ที่ดินซึ่งผู้มีจิตศรัทธาอุทิศผลประโยชน์อันเกิดจากที่ดินให้แก่วัด แต่ไม่ได้มอบกรรมสิทธิ์ถือครองให้แก่วัด หมายความว่าเจ้าของยังคงเป็นเจ้าของที่ดิน แต่อุทิศผลประโยชน์ที่ได้จากที่ดินให้แก่วัด

การจัดการศาสนสมบัติกลางและวัดร้าง และศาสนสมบัติวัด

ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 มาตรา 31 วัดมีฐานะเป็นนิติบุคคล เจ้าอาวาสเป็นผู้แทนของวัดในกิจการทั่วไป มาตรา 37 (1) เจ้าอาวาสมีหน้าที่บำรุงรักษาวัด จัดกิจการและศาสนสมบัติของวัดให้เป็นไปด้วยดี มาตรา 40 วรรคท้าย การดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัด ให้เป็นไปตามวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง และกฎกระทรวงการดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัด พ.ศ. 2564 วางหลักว่า วัดสามารถให้เช่าที่วัดที่กันไว้สำหรับเป็นที่จัดประโยชน์ ที่ธรณีสงฆ์ ที่กัลปนา หรือสิ่งปลูกสร้างได้เอง เว้นแต่ การให้เช่ามีกำหนดระยะเวลาเกินสามปี จะกระทำได้ต่อเมื่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นชอบ และได้รับอนุมัติจากมหาเถรสมาคม

ที่ดินของวัด

  • ต้องมีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ เช่น โฉนดที่ดิน, นส.3, สค.1ฯ
  • ต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย
  • ต้องเก็บรักษาเอกสารสิทธิ์ไว้ที่หน่วยงานที่กำหนด • วัดในกรุงเทพฯ: เก็บที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ • วัดในจังหวัด: เก็บที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด

การกันที่ดินของวัดให้เป็นที่จัดประโยชน์

  1. วัดที่ทำได้ส่วนใหญ่เป็นวัดที่มีบริเวณกว้าง และตั้งอยู่ในชุมชนใหญ่ หรือชุมชนเศรษฐกิจ
  2. วัดต้องจัดทำแผนผังเขตจัดประโยชน์ที่ได้มาตรฐาน และรายงานขอกันที่ดินวัดให้เป็นที่จัดประโยชน์ พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องเสนอเจ้าอาวาสและหน่วยงานราชการพิจารณาตามลำดับ
  3. กรมการศาสนาเห็นชอบและได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรจากมหาเถรสมาคม
  4. ห้ามทำสัญญาผูกพันเกี่ยวกับที่ดิน ล่วงหน้าก่อนได้รับการอนุมัติตามข้อ 3

การให้เช่าที่ดินหรืออาคาร

  1. เจ้าอาวาสแต่งตั้งผู้จัดประโยชน์ เช่น ไวยาวัจกร กรมการศานา มูลนิธิ คณะกรรมการจัดประโยชน์ เป็นต้น
  2. การแต่งตั้งผู้จัดประโยชน์ต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรและระบุภารกิจ เช่น ที่ไหน เมื่อใด กรณีใด เหตุใดบ้างที่ต้องขออนุมัติจากเจ้าอาวาสก่อนดำเนินการ เป็นต้น
  3. ผู้จัดประโยชน์ของวัดมีหน้าที่เก็บรักษาเอกสาร เช่น ทะเบียนทรัพย์สินที่จัดประโยชน์ ทะเบียนผู้เช่าหรือผู้อาศัย ทะเบียนสัญญาเช่าและหนังสือสัญญาอยู่อาศัย เป็นต้น

การให้เช่าที่ธรณีสงฆ์/ที่กัลปนา/ที่ดินที่กันไว้เป็นที่จัดประโยชน์

  1.  เช่าเกิน 3 ปี ต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมการศาสนา
  2. วัดต้องส่งร่างสัญญาเช่า พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง ให้กรมการศาสนาตรวจสอบและให้ความเห็นชอบ
    2.1 ให้จัดทำรายงานขอรับความเห็นชอบในการทำสัญญาเช่าเกิน 3 ปี เสนอเจ้าคณะ หน่วยงานราชการ และกรมการศาสนาตามลำดับ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
    2.2 ให้จัดส่งเอกสารไปประกอบการพิจารณา ได้แก่ หนังสือแสดงเหตุผลการให้เช่าที่ดิน แผนผังวัดแสดงที่ที่ให้เช่า ร่างสัญญาเช่าพร้อมเอกสารแนบท้ายสัญญา
  3. เมื่อได้รับความเห็นชอบแล้ว จึงลงนามในสัญญาเช่าได้
  4. เมื่อได้ทำสัญญาเช่าแล้วให้นำสัญญาเช่าไปจดทะเบียนตามกฎหมาย
  5. ห้ามวัดรับเงินหรือสิ่งตอบแทนจากผู้ขอเช่า และปลูกสร้างสิ่งใดก่อนทำสัญญาเช่า

อ้างอิง :
กฎกระทรวงการดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัด พ.ศ. 2564

This site is registered on wpml.org as a development site. Switch to a production site key to remove this banner.