การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในสังคมไทย หลายคู่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน มีทรัพย์สิน มีบุตร มีภาระร่วมกัน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งนำมาสู่ความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับ “สิทธิของคู่สมรส” ที่ตามกฎหมายจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการจดทะเบียนสมรสเท่านั้น สิทธิและผลทางกฎหมายของการอยู่กินฉันสามีภรรยาแบบ “จดทะเบียน” กับ “ไม่จดทะเบียน” แตกต่างกันอย่างไร และควรจัดการทรัพย์สิน บุตร และมรดกอย่างไรบ้าง

สิทธิของคู่สมรสที่ “จดทะเบียนสมรส” ตามกฎหมายมีสิทธิสำคัญ ดังนี้
- มีสินสมรสร่วมกัน ทรัพย์สินที่เกิดขึ้นระหว่างสมรสถือเป็น “สินสมรส” (หรือแล้วแต่จะตกลงกันเป็นลายลักษณือักษรว่าเป็นสินส่วนตัว) เช่น รายได้ ทรัพย์สินที่ซื้อร่วมกัน หรือแม้แต่ทรัพย์สินที่ซื้อโดยใครคนใดคนหนึ่งแต่เกิดขึ้นในระหว่างสมรส
- มีสิทธิรับมรดกตามกฎหมาย คู่สมรสมีสิทธิรับมรดกจากอีกฝ่าย โดยมีฐานะเป็นทายาทโดยธรรม
- มีสิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพเมื่อหย่า หากการหย่าเกิดความผิดของอีกฝ่าย และคู่สมรสผู้เสียหายมีสิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงชีพได้ เพราะจนลงหลังหย่า
- มีสิทธิตัดสินใจเรื่องทางการแพทย์แทนคู่สมรส ในกรณีคู่สมรสเจ็บป่วย ไม่สามารถให้ความยินยอมเองได้
- มีสิทธิได้รับสวัสดิการ เช่น สิทธิค่ารักษาพยาบาล หรือสวัสดิการของรัฐและหน่วยงานต่างๆ
- บุตรที่เกิดระหว่างสมรสถือเป็น “บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย” โดยอัตโนมัติ บิดามีสิทธิตามกฎหมายในตัวบุตรโดยไม่ต้องทำการรับรองบุตรเพิ่มเติม
สิทธิที่ “ไม่มี” หากอยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนสมรส ถึงแม้จะใช้ชีวิตร่วมกันเหมือนสามีภรรยา แต่หาก ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จะไม่มีสิทธิตามกฎหมาย ดังนี้
- ไม่มีสินสมรสร่วมกันทรัพย์สินถือเป็นของผู้ซื้อหรือผู้ที่ชื่อเป็นเจ้าของเท่านั้น
- ไม่มีสิทธิรับมรดก คู่ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่ใช่ทายาทโดยธรรมของกันและกัน
- ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพเมื่อเลิกกัน แม้จะอยู่ร่วมกันมานานเพียงใดก็ตาม
- ไม่มีสิทธิตัดสินใจทางการแพทย์แทนอีกฝ่าย แม้ดูแลกันเหมือนครอบครัว
- ไม่มีสิทธิรับสวัสดิการในฐานะคู่สมรสรวมถึงสวัสดิการจากรัฐ หน่วยงานราชการ หรือเอกชน
- บุตรที่เกิดต้องมีการ “รับรองบุตร” จึงจะมีสถานะเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา
